ภาพจาก pixabay.com โดย manbob86

    การเต็มที่กับงานนั้นเป็นสิ่งที่ดีค่ะ และเชื่อว่ามนุษย์วัยทำงานทั้งหลายนั้นเป็นกันอยู่แน่นอน แต่อย่าทุมเทจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลยนะคะ แบ่งปันเวลาให้กับเพื่อนคู่ทุกคู่ยากอย่างร่างกายบ้าง อย่าลืมว่าร่างกายของเราต้องการการดูแลเป็นเวลาเช่นเดียวกับเรื่องอื่น หักโหมใช้เขามากๆเข้าก็เสื่อมก็โทรมได้เหมือนกัน และวันนี้เราก็มีวิธีเช็คสัญญาณเตือนว่าร่างกายเริ่มทำงานหนักเกินไปแล้ว  มาดูกันค่ะว่ามีอาการใดบ้าง และคุณเข้าข่ายอาการเหล่านี้อยู่รึเปล่า

1. มีอาการออฟฟิศซินโดรม เช่น ปวดหลัง คอ บ่า ไหล่
2. เป็นภูมิแพ้ ป่วยง่าย
3. อ้วนง่าย ควบคุมน้ำหนักได้ยากขึ้น 
4. ท้องผูก ท้องอืดเป็นประจำ
5. ผิวพรรณไม่สดใส เป็นสิว
6. ขาดสมาธิ ขี้ลืม
7. อามรมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิดง่าย

    เช็คแล้วเป็นไงกันบ้างคะใครมีอาการมีอาการข้างต้นกันบ้างรึ อาการทั้งหมดข้องต้นนี้ ล้วนเกิดจากการโหมใช้ร่างกายอย่างหนัก  อาจจะทำงานติดพันจนละเลย หลงลืม หรือคิดว่าตัวเองอายุยังน้อย ไฟยังแรงคงไม่เป็นอะไร  แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เปล่า ถ้ามีล่ะก็ควรรีบปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อเร่งฟื้นฟูร่างกายกันอย่างด่วนเลยนะคะก่อนจะสาย  อย่างไรก็ดีมีวิธีเล็กๆน้อยๆ มาฝากด้วยค่ะ ลองเอาไปทำตามกันได้นะคะ

1. การปล่อยวางทำงานแค่เฉพาะในเวลางานเท่านั้น เป็นไปได้ให้พยามหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเก็บเรื่องงานมาคิดต่อ หรือหอบงานกับมาทำที่บ้านเป็นดีที่สุดค่ะ หรือถ้าใครเวิร์คฟอร์มโฮมอยู่ก็จัดสรรค์เวลางานให้ดีหมดเวลางานแล้ว พอได้ก็ควรพอนะคะ  เพราะไม่อย่างนั้นอาจก่อให้เกิดความเครียดสะสมได้ค่ะ
   
   
2. ดื่มน้ำระหว่างวัน การดื่มน้ำระหว่างวันนั้นเป็นสิ่งที่ง่ายมาก แต่หลายท่านมักมองข้าม น้ำที่ว่านี้เน้นด้วยนะคะว่าเป็นน้ำเปล่า ดังข้อมูลจากกรมอนามัย โดย นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญ ความหนึ่งว่า การดื่มน้ำเปล่าสะอาดและเพียงพอจะช่วยรักษาสมดุลทำให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ  เนื่องจากน้ำส่งผลกับการทำงานของสมอง หากขาดน้ำสมองจะกระตุ้นให้เกิดฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งส่งผลให้ความเครียดเพิ่มสูงขึ้น  การดื่มน้ำเพียงพอจึงช่วยลดความเครียดลงช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย  ทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นได้  ช่วยระบบการขับของเสีย ช่วยให้ไม่ปวดหลังและบั้นเอว ช่วยระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายลดอาการท้องผูก” เห็นไหมคะว่าประโยชน์เยอะมาก อย่าลืมจิบน้ำเรื่อยระหว่างวันกันนะคะ
   
   
3. เลือกกินอาหารที่ดี เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมและมีประโยชน์   เลี่ยงอาหารรสจัดเกินไป  มันเกินไป อาหารจำพวกอาหารขยะ  และไม่ควรอดอาหาร(เดิมกาแฟต่างข้าวอันนี้ก็ไม่เอานะคะ) หรือรับประทานอาหารผิดเวลาบ่อยนะคะเพราะอาจส่งผลเสียต่อระบบทางเดินอาหารได้
   
   
4. รักษาเวลานอน เพราะการพักผ่อนนั้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ เนื่องจากเวลาหลับคือเวลาที่ร่างของเราจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอนั่นเอง การนอนไม่พออาจส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ อ่อนเพลียได้ค่ะ ควรเข้านอนให้เป็นเวลาและไม่ควรอดนอนแต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็อย่าบ่อยนักนะคะ  แต่ถ้าหากใครมีภาวะนอนหลับยาก หรือนอนไม่ค่อยหลับ หลับไม่ดีแนะนำว่าปรึกษาแพทย์ดีที่สุดค่ะ
   
   
5. ออกกำลังกาย อย่างน้อย สัปดาห์ละ 150 นาที  ไม่ต้องถึงขั้นกับต้องจ้างเทรนเนอร์ก็ได้ค่ะ  อาจจะระหว่างวัน ลุกจากโต๊ะทำงานมาขยับตัวบ้าง หรือเจียดเวลาวันหยุดวันละสักชั่วครึ่งชั่วโมง อะไรก็ว่าไปให้ได้ออกกำลังสักหน่อย เพราะประโยชน์ของการออกกำลังหายไม่ได้มีแค่ช่วยลดพุง แต่ยังช่วยเรื่องสุขภาพอื่นๆอีกด้วย เช่น ทำให้สมองทำงานดีขึ้น , ลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆ , ช่วยเรื่องการเคลื่อนไหวร่างกายลดอาการปวดเมื่อได้ เป็นต้น

     ร่างกายยังต้องอยู่กับเราไปอีกนาน  ทุกวันนี้แค่ปัจจัยภายนอกก็ส่งผลกับร่างกายเราไม่หวาดไม่ไหว  อย่าลืมดูแลมิตรแท้ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดของเรากันด้วยนะคะ  ไม่มีหมอไหน หรือใครจะมาดูแลตัวเราได้ดีไปกว่าตัวเราเองหรอก จริงไหมคะ  ท้ายนี้ขอให้ผู้อ่านทุกคนสุขภาพดี มีสุขนะคะ

ที่มา : 

ththaihealth.or.th

ththaihealth.or.th

www.thaihealth.or.th/แนะดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด ดื่มให้พอเหมาะ เพียงพอ ดีต่อร่างกาย

www.fit-d.com/ประโยชน์ของการออกกำลังกาย

กลับไปหน้าหมวดบทความนี้ Recess & Relax

ดูบทความของ Garment Job ทั้งหมด