วิธีช่วยปรับสมดุลร่างกาย ในช่วงที่ฝนตกบ่อย
ภาพจาก pixabay.com โดย krzys16
ช่วงนี้พายุเข้าฝนตกแบบไม่ลืมหูลืมตาในหลายพื้นที่ อากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ความชื้นของอากาศ ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันและเสียสมดุล อีกทั้งสภาพอากาศ แบบนี้เอื้อต่อการแพร่กกระจาย และเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส ทำให้หลายคนป่วยได้ง่าย แต่จะมีวิธีการไหนที่จะช่วยปรับสมดุลร่างกาย หรือชะลอโอกาสในการป่วยลงได้บ้าง เรามีวิธีรับมือกับภาวะที่อาจทำให้ป่วย มาฝากกันค่ะ
เนื้อหา
- หลีกเลี่ยงการตากฝนหรือลุยน้ำท่วมขังโดยไม่จำเป็น
ช่วงที่ฝนใกล้ตกสภาพอากาศจะชื้นขึ้นมีลมพัดแรงเป็นเหตุให้เชื้อโรคต่างๆแพร่กระจายในอากาศมากขึ้น หากเราตากฝนแล้วละก็ มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อผ่านทางเดินหายใจส่วนต้นได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ จะเป็นหวัดได้ง่ายกว่าคนปกติแต่ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้จริงๆแนะนำว่าเมื่อถึงบ้านควรรีบอาบน้ำ สระผม หลังจากนั้นเช็ดตัวและเป่าผมให้แห้งสนิทเพื่อกำจัดความชื้นออกไป อาจดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ หรือแช่เท้าด้วยน้ำอุ่น เป็นการช่วยเพิ่มอุณหภูมิแก่รายกาย และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัวขึ้นด้วยค่ะ
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 1.5 ลิตร
เพื่อปรับให้สมดุลของอุณหภูมิในร่างกายของเรานั้นคงที่ สามารถช่วยลดโอกาสการติดเชื้อให้กับร่างกายของเราได้ค่ะ และที่สำคัญน้ำเปล่ายังมีประโยชน์กว่าที่คิดนะคะ ใครสนใจลองไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ รู้หรือไม่!? “น้ำเปล่า” นี่แหละคือสิ่งดีดีที่ “มนุษย์ออฟฟิศ” คู่ควร ค่ะ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
เรื่องนอนหลับพักผ่อนนั้นสำคัญนะคะเพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของเราจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ อย่างที่ทราบกันดีว่าคนเราควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย6-8 ชั่วโมง แต่ถ้าใครที่ประสบปัญหาการหลับยากลองหาตัวช่วยเช่นนมอุ่นๆ หรือ ชาคาโมมายด์ลองรับประทานกล้วยหอมก่อนนอน ซึ่งกล้วยหอมจะมีสารทริปโตเฟน ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและหลับได้ง่ายขึ้น หรือลองปรึกษาแพทย์ก็ได้ค่ะ
- หน้าฝนมักจะไม่ค่อยเสียเหงื่อ
ด้วยเพราะอากาศชื้น และอุณหภูมิที่มักจะเย็นทำให้ร่างกายไม่ค่อยมีเหงื่อและไม่ได้ขับของเสียออกจากร่างกาย แนะนำว่าการออกกำลังสามารถช่วยได้ ออกกำลังกายเล็กน้อยนิดๆหน่อยๆ5 นาที 10 นาทีให้พอได้เหงื่อออกบ้างก็ยังดีค่ะ แถมยังเป็นการเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายวิธีหนึ่งด้วย
- รับประทานอาหารที่เหมาะสม
ควรที่จะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เน้นรับประทานอาหารที่ปรุงสุก และถูกหลักอนามัยได้ด้วยจะดีมากค่ะ เพื่อป้องกันการเกิดโรคระบบทางเดินอาหารที่มาพร้อมกับฤดูฝน อย่างเช่น โรคท้องเสีย โรคอาหารเป็นพิษ
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีฤทธิ์เย็น รสขม เพราะจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลงมากกว่าเดิม ส่งผลให้ระบบการย่อยทำงานหนัก ย่อยยาก เช่น น้ำแข็ง น้ำเย็น ผลไม้บางประเภท เช่น แตงโม แก้วมังกร เป็นต้น รวมไปถึงอาหารทอด มัน อาหารที่มีรสหวานจัด
การทานวิตามินเสริม ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดีในการช่วยเสริมทัพให้กับภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับสภาพอากาศที่แสนสวิงนี้ได้ค่ะ แต่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรด้วยก็ดีนะคะ
- ไม่ควรอยู่ในที่อึดอัด
บริเวรที่พักอาศัยหรือทำงานควรเป็นพื้นที่อากาศถ่ายเทสะดวก เปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายอากาศไม่อึดอัดอับชื้น เพราะจะทำให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและติดเชื้อได้ง่ายนั่นเองค่ะ
- ป้องกันไม่ให้ยุงกัด
อีกสิ่งหนึ่งที่ชุกพอกับฝนในสภาวะอากาศแบบนี้ก็คือ เจ้ายุงตัวดี ที่เป็นพาหะนำสารพัดโรคระบาดมาสู่คน เช่น ยุงลายเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก ยุงรำคาญที่เป็นพาหะนำโรค ไข้สมองอักเสบเจอี (Japanese Encephalitis) พาหะนำยุงก้นปล่องที่เป็นพาหะนำโรค มาลาเรีย ซึ่งโรคเหล่านี้อาจรุนแรงเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นจึงทางที่ดีที่สุดควรป้องกันไม่ให้ยุงกัดได้วยการทายา หรือโลชั่นกันยุง นอนกางมุ้ง หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่อับชื้น มืด เพราะยุงชอบ กำจัดแหล่งน้ำขังในบ้านให้หมดเพราะเป็นที่ฟักตัวชั้นดีของยุงชนิดต่างๆ ได้นั่นเองค่ะ
หวังใจว่าทั้ง 7 ข้อที่นำมาฝากกันทั้งหมดนี้ จะทำให้คุณผู้อ่านผ่านหน้าฝนนี้ไปได้อย่างมีสุขภาพดีกัน ลดโอกาสเจ็บป่วยได้บ้าง รักษาสมดุลร่างกายและสุขภาพกันด้วยนะคะ
ที่มา :