วิธีตากผ้าให้ แห้งไว ไร้กลิ่นอับ ในวันฝนตก
ภาพจาก pixabay.com โดย Skitterphoto
ช่วงนี้ฝนตกต่อเนื่องทุกวัน แทบจะทั้งวันหลายคนประสบปัญหาเกี่ยวกับการซัก-ตากผ้า ทั้งเรื่องผ้าไม่แห้ง ที่แห้งแล้วก็ไม่พ้นกลิ่นอับ ยิ่งบางคนที่ไม่มีเครื่องอบผ้า หรือ เสื้อผ้าบางชนิดที่เข้าเครื่องอบไม่ได้ วันนี้เรามีวิธีผ้าให้ แห้งไว ไร้กลิ่นอับ ในวันฝนตกมาฝากกันค่ะ
การเตรียมผ้าก่อนซัก
ภาพจาก pixabay.com โดย blende12
เริ่มกันตั้งแต่ขั้นตอนแรกนั่นก็คือก่อนการซักผ้ากับ ตัวช่วยก่อนซักใกล้ตัว ที่จะช่วยลดกลิ่นอับแบบประหยัดงบ
- เบกกิ้งโซดา ใส่เบกกิ้งโซดาลงบนผ้าแห้งได้เลย ไม่ต้องผสมน้ำ เบกกิ้งโซดาจะดูดซับกลิ่นอับ ก่อนนำไปซัก หรือผสมเบกกิ้งโซดา 3-4 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 กะละมังก่อนซักตามปกติ
- น้ำส้มสายชู ผสมน้ำส้มสายชู 1-2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4-5 ลิตรในผงซักฟอกแล้วซักตามปกติ ส่วนผ้าหนาๆ เช่น ผ้ายีนส์ หรือที่เปื้อนเหงื่อมากๆ เช่น ชุดกีฬาหรือชุดออกกำลังกาย ควรแช่น้ำที่ผสมน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวงผสมน้ำเปล่า 5 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง ก่อนนำไปซักตามปกติ
- สารส้ม แกว่งสารส้มในน้ำก่อนซักและทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วค่อยใส่ผงซักฟอกและซักตามปกติ
ขั้นตอนการซัก
ภาพจาก pixabay.com โดย Engin_Akyurt
- เผลิตภัณฑ์ซักผ้า – ปรับผ้านุ่มสูตรลดกลิ่นอับหรือสำหรับซักผ้าตอนกลางคืน
มาถึงขั้นตอนการซัก ปัจจุบันในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์ซักผ้า และปรับผ้านุ่มได้ถูกพัฒนาสูตรสำหรับเอาใจแม่บ้านมากมายแทบจะตอบทุกโจทย์ปัญหาต่าง ๆในการซักผ้า ทั้งขจัดคราบ แอนตี้แบคทีเรีย และแน่นอนว่า มีสูตรสำหรับลดปัญหาเรื่องกลิ่นอับชื้น มีกระทั่งสูตรเฉพาะสำหรับคนที่สะดวกซักผ้าในตอนกลางคืนอีกด้วย มีให้เลือกสรรทั้งแบบผงและแบบน้ำ สารพัดกลิ่น ก็ลองเลือกที่เหมาะกับการซักผ้าของแต่ละบ้านดูนะคะ
- ซักน้อยชิ้นลง
อาจเลือกซักครึ่งหนึ่งก่อน หรือเลือกชิ้นที่สำคัญๆที่ต้องรีบใช้ก่อนก็ได้ค่ะ วิธีการนี้จะช่วยให้เอื้อต่อขั้นตอนการตากผ้าค่ะ เพราะเมื่อผ้าน้อยชิ้นลง ระยะห่างการแขวนแต่ละชิ้นก็จะมาขึ้น ทำให้การถ่ายเทมีมากขึ้น ช่วยให้ผ้าแห้งไว และไม่เหม็นอับได้ค่ะ
- ซักเสื้อผ้าพร้อมกับผ้าขนหนู
วิธีนี้ตอบโจทย์สำหรับการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าค่ะ โดยให้ใส่ผ้าขนหนูแห้งเข้าไปในขั้นที่เครื่องกำลังปั่นแห้งค่ะ ผ้าขนหนูจะช่วยดูดซับน้ำจากเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ ได้ ซึ่งจะช่วยให้ผ้าที่ออกจากถังซักมีความหมาดมากกว่าปกติ ด้วยว่าผ้าขนหนูมีคุณสมบัติในการซับน้ำและดูดซึมความชื้นได้ดี จึงสามารถทำให้ช่วยร่นระยะการตากได้ค่ะ แต่ผ้าขนหนูอาจทำให้มีขนติดตามเสื้อผ้าบ้าง โดยเฉพาะเสื้อดำ ก่อนใส่ก็ปัดออกหรือใช้ลูกกลิ้งเก็บฝุ่นกลิ้งออกเพื่อความเป๊ะสักหน่อย
- ตากในที่อากาศถ่ายเทสะดวก
เลือกพื้นที่ในการตากผ้าเป็น บริเวนที่ไม่ค่อยชื้น ฝนไม่สามารถสาดได้ถึง อากาศถ่ายเทสะดวก อาจเป็นที่ที่มีลมผ่านได้จะช่วยให้ผ้าแห้งไวขึ้นได้ และไม่มีกลิ่นอับค่ะ ที่สำคัญคือระยะห่างระหว่างการตากผ้าก็สำคัญค่ะ ห่างกันอย่างน้อย 2 เซนติเมตร ยิ่งมีระยะห่างยิ่งทำให้อากาศถ่ายเทสะดวกและแห้งไวขึ้นค่ะ แต่ส่วนที่ควรเลี่ยงก็คือไม่ควรตากในห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนค่ะ เพราะมีเครื่องนอน ผ้าม่าน พรม และโซฟา ที่อาจดูดซับความชื้นที่อาจทำให้ผ้าแห้งช้าแล้ว ความชื้นอาจทำให้เกิดเชื้อรา ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ค่ะ
- ใช้ตัวช่วยในการตาก
-ใช้ไม้แขวนเสื้อแทนการพาดบนราว จะช่วยให้สามารถเว้นระยะห่างในการตากได้มาขึ้นนั่นเองค่ะ
- ใช้พัดลมเป่า หรือใครที่เป็นชาวหอชาวคอนโดจะรู้ดีว่าคอมเพรสเซอร์แอร์นี่แหละตัวช่วยที่ดี ผ้าแห้งไวแบบขั้นสุด
- ใช้เตารีดช่วย เชื่อว่าหลายคนคงเคยใช้วิธีนี้ในกรณีที่ใกล้เวลาต้องใช้ แล้ว แต่ผ้ายังไม่แห้งสักที(ผู้เขียนเองก็เช่นกันค่ะ) แนะนำเพิ่มเติมว่าให้หาผ้าขนหนูมาวางที่รองรีด 1 ชั้น ตามด้วยเสื้อผ้าที่คุณต้องใช้ในแล้วตามด้วยผ้าขนหนูอีกสักชั้น ก่อนจะเปิดเตารีด แล้วรีดลงไป บนผ้าขนหนู เพราะผ้าขนหนูจะช่วยดูดซับน้ำและความชื้นของเสื้อผ้า และยังช่วยลดการเกิดความเสียหายบนเนื้อผ้าได้อีกด้วยค่ะ
อย่างไรก็ตามการใส่เสื้อผ้าที่ไม่แห้งและอับนั้นไม่ได้ทำให้เราดูเป็นคนเสียบุคลิกอย่างเดียวแต่อาจเป็นบ่อเกิดของโรคผิวหนังได้ด้วยนะคะ ฉะนั้นแล้วอย่างลืมดูแลรักษาอนามัยของเสื้อผ้าที่สวมใส่ โดยเฉพาะในช่วงที่มีไวรัสและโรคระบาด บวกกับฝนที่ตกทุวันในช่วงนี้ยิ่งทำให้เชื้อโรคและแบคทีเรียทำงานได้ดีแบบนี้ ต้องใส่ใจเป็นพิเศษว่าไหมล่ะคะ
ที่มา:www.cleanipedia.com