ผู้ประกอบการควรรู้ 5 เทรนด์ ด้านความยั่งยืนที่ส่งผลต่อธุรกิจแฟชั่น
Cr.ภาพจาก: pixabay.com โดย geralt
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระแสความสนใจในเรื่องของความยั่งยืน และการลดปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นที่พูดถึงกันในทุกวงแวดวง รวมถึงอุตสาหกรรมแฟชั่นเองก็เช่นกันค่ะ เพราะแน่นอนว่าเพื่อตอบสนองเทรนด์โลก และความสนใจของผู้บริโภคนั่นเอง ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงถึง 5 เทรนด์ ด้านความยั่งยืน ที่ส่งผลต่อธุรกิจแฟชั่นกันค่ะ
จริงๆ แล้วเรื่องของการลดปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้นอุตสาหกรรมแฟชั่นให้ความสนใจ เรื่องนี้มาโดยตลอดตั้งแต่ก่อน การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สังเกตุได้จากที่หลายต่อหลายแบรนด์เริ่มมาใส่ใจกับวัตถุดิบที่นำมาผลิตเส้นใยผ้า กระบวนการผลิต แพคเกจต่างๆ ฯลฯ เพื่อให้ตอบโจทย์ในเรื่องนี้กันมาขึ้น ซึ่งตามข้อมูลที่รวบรวมโดย Edited แพลตฟอร์มด้านธุรกิจค้าปลีก ได้ระบุถึง 5 เทรนด์ด้านความยั่งยืนในปี 2565 ดังนี้ค่ะ
- ระบบโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม – จากการประชุม COP26 มีข้อตกลงว่าจะร่วมมือกันเพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทนลงร้อยละ 30 ภายในปี 2573 ผู้ค้าปลีกจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำธุรกิจที่ปล่อยคาร์บอนมากที่สุดในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยลดการปล่อยมลพิษและชดเชยคาร์บอนให้เป็นศูนย์เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์
- การเปลี่ยนแปลงวัสดุใหม่ – ผู้ค้าปลีกจำเป็นต้องยกเลิกการใช้วัตถุดิบที่มีก๊าซมีเทนสูงเพื่อผลิตเป็นเสื้อผ้าที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากในปี 2564 ที่มีวัตถุดิบทางเลือกอื่น เช่น หนังเทียมจากองุ่นและเส้นใยไมซีเลียม ตลอดจนวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรที่นำกลับมาใช้ใหม่ อาทิ กาแฟ ไม้ไผ่ ยูคาลิปตัส สาหร่าย กล้วย และใบสับปะรด
- การใช้ซ้ำ ซ่อมแซม และจำหน่ายต่อ – ผู้บริโภคชาวอเมริกันร้อยละ 80 วางแผนที่จะรีเฟรชตู้เสื้อผ้าของตนเมื่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สิ้นสุดลง ไม่ว่าจะโดยการซื้อเสื้อผ้าใหม่หรือกำจัดเสื้อผ้าเก่า ซึ่งจะสร้างปัญหาขยะแฟชั่น ด้วยเหตุนี้ ผู้ค้าปลีกจึงควรติดตามในประเด็นของสินค้ามือสอง การจำหน่ายต่อ และการรีไซเคิลเพื่อเป็นทางเลือก
- ความโปร่งใสทางการตลาด – ผู้ค้าปลีกจำเป็นต้องลดข้อมูลที่เกี่ยวบ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์มีความยั่งยืนโดยการถอดข้อความออกเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดด้วยการโฆษณาสินค้าหรือองค์กรให้มีภาพลักษณ์ว่ารับผิดชอบต่อสังคมโดยการรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น (greenwashing) และระบุให้ชัดเจนถึงสิ่งที่กำลังทำและเป้าไว้ของผู้ค้าปลีก เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่กำหนดโดยสหประชาชาติ
- เรียนรู้จาก Metaverse – ประสบการณ์รันเวย์ในยุคดิจิทัลและแบรนด์แฟชั่นหรูที่ริเริ่มด้านการตลาด NFT ส่งผลให้แฟชั่นและดิจิทัลมีความเกี่ยวข้องกันมากขึ้น ผู้ค้าปลีกควรลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อช่วยชดเชยผลกระทบของกระบวนการแฟชั่นแบบดั้งเดิม โดยผลิตสินค้าสินค้าดิจิทัลหรือสินค้าเสมือนจริงเพิ่มมากขึ้น
ในอุตสาหกรรมแฟชั่นจะได้รับรูปลักษณ์ใหม่ มิติใหม่ เปลี่ยนแปลงรวมดเร็วตลอดเวลา ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะทราบแนวโน้มในอนาคตเนื่องจากจะทำให้สามารถรับมือกับแนวโน้มดังกล่าวได้ และทั้งหมดนี้ก็เป็น 5 แนวโน้มที่อาจส่งผลต่อธุรกิจแฟชั่น ที่นำมาฝากกันค่ะครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไร ฝากติดตามด้วยนะคะ
ที่มา: https://www.thaitextile.org/th/insign/detail.2999.1.0.html