อยากสร้างแบรนด์ให้ปังในยุคนี้ต้องใส่ใจรอบด้าน
pixabay.com โดย nattanan23
ในบทความนี้เราจะขอแชร์เทคนิคในการสร้างแบรนด์ให้กับเหล่าคนที่(อยากจะ)เริ่มธุรกิจใหม่กันค่ะ และในยุคนี้เองก็ต้องปรับตัวหลายๆ ด้านเพื่อให้อยู่รอดและตอบโจทย์ลูกค้าคนรุ่นใหม่ยุค4.0นี้ ซึ่งความต้องการมีมากกว่าแค่ความพึงพอใจในสินค้า แต่ยังลามไปจนที่มาที่ไป และอุดมกาณ์ของแบรนด์อีกด้วย ฉะนั้นแล้วนอกจากมุ่งทำมาหากินอย่างเดียว และใสใจในผลกำไรแล้ว แบรนด์ของคุณยังต้องใส่ใจครอบคลุมไปถึงสิ่งแวดล้อมและสังคมอีกด้วยเพราะขณะนี้เพราะทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับทั้งสิ่งแวดล้อมและสังคมนั่นเอง
ดังนั้นหากผู้ประกอบการต้องการสร้างแบรนด์และเพิ่มโอกาสให้แบรนด์ของคุณมีคุณค่าเข้าตาพอจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกของผู้บริโภคก็ต้องขับเคลื่อนทั้งสองเรื่องนี้ไปพร้อมๆกับแบรนด์ของคุณเช่นกันค่ะไม่อย่างนั้นคงจะอยู่ยาก ซึ่งกระบวนการเหล่านี้สามารถทำได้โดยการสำรวจตัวเองและปรับโปรดักซ์ให้ตอบโจทย์มากที่สุด เช่น
- กระบวนการผลิตต้องปรับให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด
- หากผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นเครื่องสำอาง หรือ เครื่องปทินผิวแล้ว มีการนำสัตว์มาทดลองด้วยหรือเปล่า
- บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกย่อยสลายง่ายเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือสามารถนำไปรีไซเคิลได้ ไม่เพิ่มขยะ
- รวมไปจนถึงกิจกรรม เกี่ยวกับสังคมต่างๆก็สำคัญ เช่น ไม่เอาเปรียบพนักงานระดับแรงงาน การสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ การไม่สนับสนุนความรุนแรงต่างๆที่เกิดขึ้น เป็นต้น หรือประเด็นขับเคลื่อนสังคมไปในทางที่ดีอื่นๆ
ภาพจาก : โดย pexels.com Artem Podrez
เหล่านี้เป็นอีกส่วนที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่พูดถึง ยอมรับ ไว้ใจซื้อสินค้าจากแบรนด์ของคุณ ตลอดจนอาจมีการรีวิวบอกต่อกัน อย่างที่เราจะเห็นกันตามเพจ โพสต์ หรือแอคเคาท์รีวิว ต่างๆ บนโลกออนไลน์ก็จะทำให้คนเห็น และรู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้น จนมาสู่ขั้นอยากลองใช้ พอใช้แล้วเกิดความประทับใจก็ใช้ต่อเนื่อง เองค่ะ
เทคนิคสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ด้วยพลังรักษ์สิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตามหากคุณเถ้าแก่ใหม่ยังเห็นภาพ หรือนึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไรวันนี้เราก็มีเทคนิคดีดี 5 ข้อจากคำแนะนำจากธนาคารกรุงเทพ มาฝากกันด้วยค่ะ
- Green Business จากภายในสู่ภายนอก
ก่อนจะสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้คนอื่นจดจำได้ จะต้องเริ่มจากการทำความรู้จักตัวตนของแบรนด์ให้ท่องแท้ก่อนว่า เราคือใคร ทำอะไร และตอบโจทย์ใครได้บ้าง ภายใต้กฎ 3 ข้อ คือ ทำไมผู้บริโภคต้องเลือกแบรนด์เรา, แบรนด์เราจะโดดเด่นได้อย่างไร ,แบรนด์จะให้ประโยชน์อะไรกับผู้บริโภค เพื่อประเมินตัวเองให้ขาด แล้วจะทำให้รู้ถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ชัดเจน ขณะเดียวกันภายใต้โจทย์การการปั้นแบรนด์ให้มีพลังจุดกระแสรักษ์สิ่งแวดล้อม การออกแบบโลโก้ แพ็กเก็จจิ้งต่างๆ ต้องใส่ใจเรื่องความเป็น Green Business ด้วย
- ยกระดับสู่Green Marketing
แม้ในเรื่องของกลยุทธ์ CSR จะมีรูปแบบหลากหลายที่แต่ละองค์กรพยายามหยิบยกมาใช้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในโลกของธุรกิจยุคใหม่ คำว่า ‘Green’ ดูจะหนักแน่นและมีน้ำหนักมากว่าประเด็นอื่นๆ ด้วยกระแสของโลกร้อน Green Marketing ได้กลายเป็นโจทย์ให้องค์กรขนาดใหญ่และเล็กต่างนำไปคิดและตีความออกมาในรูปแบบของกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง บางองค์กรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ถึงขนาดตั้งงบและวางแผนในระยะยาว ที่จะใช้เรื่องนี้เป็นหนึ่งในการแบรนดิ้งองค์กร
- สร้างความความแตกต่างของแบรนด์ส่งต่อผู้บริโภค
นอกจากตัวตนของแบรนด์ การตลาดด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน การสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ให้ผู้บริโภคตระหนักรู้ว่าแบรนด์ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้นหน้าที่หลักที่ผู้ประกอบการจะต้องทำคือ การสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนในทุกจุดสัมผัส เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นและรู้สึกแตกต่าง เช่น แบรนด์ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ ให้คุณค่ากับการใช้วัสดุทดแทนไม้, แบรนด์เครื่องดื่มให้คุณค่ากับการใช้บรรจุภัณฑ์จากกระดาษรีไซเคิล, แบรนด์เสื้อผ้าให้ความสำคัญต่อกระบวนการบำบัดน้ำเสียในการฟอกย้อมและตัดเย็บ สิ่งเหล่านี้คือการนำมาเล่าถึงความแตกต่างของแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมให้ผู้บริโภคได้ตระหนักและเห็นคุณค่า
- ปลูกฝังค่านิยมในองค์กรรักษ์สิ่งแวดล้อม
หากคนในองค์กรตั้งแต่พนักงานระดับล่างยันผู้บริหารระดับสูง ยังไม่รู้ว่าแบรนด์เรามีคุณค่าอะไร ก็ยากจะทำให้คนภายนอกหรือกลุุ่มลูกค้าเข้าถึงคุณค่าของแบรนด์ได้ ดังนั้น Brand Image ควรเริ่มจากคนภายในออกไปสู่ภายนอก เพื่อให้ทุกคนกลายเป็น brand ambassador ด้วยตนเองได้ และขยายฐานรากออกไปสู่งานบริการที่อาจต้องสื่อสารแทนองค์กรหรือกับลูกค้าต่อไป ด้วยเหตุนี้เจ้าของแบรนด์จึงต้องมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การปิดไฟ การควบคุมการใช้พลังงาน การใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมตามฤดูกาล เพื่อลดการเปิดแอร์ ลดการใช้กระดาษ การใช้บันได และลิฟท์ หรือแม้แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่คนในองค์กรสามารถทำได้เพื่อโลกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
- รักษามาตรฐานให้ต่อเนื่อง
อย่าให้ผู้บริโภคเข้าใจว่า การให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมที่แบรนด์ทำขึ้นเป็นอะไรที่ฉาบฉวยแค่ CSR ที่ทำตามนโยบายปีต่อปีโดยไม่มีความต่อเนื่องเพียงพอ เพราะนั่นเท่ากับว่าที่ลงแรงลงเงินทุนเพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปสู่แบรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อมนั้นเสียเปล่า เพราะถึงแม้วันนี้ ปีนี้อาจไม่เห็นผล แต่ค่อยเป็นค่อยไป และต่อเนื่องคงมาตรฐานเดิม นี่คือการเปลี่ยนแปลงแบรนด์เป็นแบรนด์ที่ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมที่แท้จริง ดังนั้นถ้าคิดจะใช้กลยุทธ์ในการสร้างภาพลักษณ์อันดีให้แก่แบรนด์ด้วยการรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นมิตรกับธรรมชาติ ก็ควรทำให้เป็นประจำสม่ำเสมอ
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเทคนิคที่นำมาฝากันสำหรับคนที่อยากจะเริ่มต้นธุรกิจในช่วงนี้ แต่กังวลอยู่นะคะหวังว่าจะมีประโยชนและสามรถนำไปปรับใช้กันได้ อย่างไรก็ตามขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนๆฝ่าฟันช่วงวิกฤตินี้ไปได้นะคะ
ที่มา: springnews.co.th
bangkokbanksme.com